งานวิจัยชั้นเรียน
วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา รหัสวิชา พ11101 ภาคเรียนที่2
ปีการศึกษา 2554
โดยมาสเตอร์จงดี สินบูรพา รหัสประจำตัว 10412
เรื่อง ปัญหาภาวะโรคอ้วนในเด็กประถมศึกษาปีที่1 /3 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
สภาพของปัญหา
การบริโภคอาหารมื้อหลักของคนเราจำเป็นต้องบริโภคให้ครบทั้ง
3 มื้อ และสมดุลกันระหว่างอาหารทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะวัยเด็กที่ต้องการพลังงานและสารอาหารในการเจริญเติบโต
อาหารว่างและขนมจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เป็นส่วนเสริมให้เด็กได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าที่จำเป็นต่อร่างกาย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันอาหารว่างและขนมส่วนใหญ่มักมีแป้ง น้ำตาล และไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก
ซึ่งให้เพียงพลังงาน แต่มีสารอาหารอื่นที่จำเป็นค่อนข้างน้อย จึงอาจส่งผลต่อภาวะโภชนาการและการเจริญเติบโตของเด็กได้
วัตถุประสงค์ในการวิจัย
เพื่อแก้ปัญหาภาวะโรคอ้วนในเด็กประถมศึกษาปีที่ 1/3 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
จากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูง
ทำให้รู้ถึงเด็กที่มีภาวะโรคอ้วน 2 คน คือ ด.ช.ณัฐธเดชน์
แหงมงาม และ ด.ช.วัฒนา บัณฑิตย์นพรัตน์ ชั้นป.1/3 ที่มีภาวะโรคอ้วน
คือน้ำนักมากเกินมาตรฐานที่กำหนด จากปัญหาเหล่านี้จึงทำให้เด็กนักเรียนประถมศีกษาปีที่
1/3 มีภาวะโรคอ้วน ผู้วิจัยจึงนำเด็กทั้ง 2 คนนี้มาทำการลดไขมันส่วนที่เกินออก เพื่อให้มีร่างกายที่สมส่วน
โดยการให้เด็กทั้ง 2 คนนี้ ออกกำลังกาย ด้วยการวิ่ง กระโดดตบ
ซิทอัพในช่วงเวลาพักกลางวันทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน
ปรากฏว่าน้ำหนักทั้ง 2 จาก46 กิโลกรัม
ลดเหลือ 43
กิโลกรัม และอีกคนจาก 48 กิโลกรัม ลดเหลือ 45
กิโลกรัม ซึ่งจากการนำเด็กทั้ง2 คนนี้มาทำการออกกำลังกาย
ภายในเดือนเดียว สามารถลดน้ำหนักได้ถึงคนละ 3 กิโลกรัม
และถ้าสามารถทำได้เป็นประจำต่อเนื่อง ปัญหาภาวะโรคอ้วนของเด็กทั้ง 2 คนนี้ก็จะหายไป และกลับมาเป็นเด็กที่มีน้ำหนักตัวสมส่วน และสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนปกติได้
ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.ได้ทราบปัญหาของเด็กนักเรียนที่มีภาวะโรคอ้วนระดับประถมศึกษาปีที่
1 /3 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
2.นำปัญหานี้มาใช้แก้ไข และพัฒนาเด็กที่มีภาวะโรคอ้วน
ให้มีรูปร่างสมส่วนต่อไป และมีสุขภาพกาย และใจที่สมบูรณ์ต่อไปในวันข้างหน้า
วิธีการดำเนินการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการนำผลจากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย
และการชั่งน้ำหนักส่วนสูง มาใช้ทำวิจัยในครั้งนี้
กลุ่มประชากร
กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
1/3 จำนวน 2 คนที่ผลจากการทดสอบสมรรถภาพทางกายในปี
2554 นี้ ผลสรุปว่ามีภาวะโรคอ้วน และควรที่จะนำมาเพื่อแก้ปัญหาในการออกกำลังกายตามกำหนดเวลา
1 เดือน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1.การวิ่ง 30 เมตรไปกลับวันละ 10 รอบ
2.กระโดดตบ วันละ 100 ครั้ง
3. ซิทอัพวันละ 10 -20 ครั้ง
การเก็บข้อมูล
ในการเก็บข้อมูล วิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้เวลาช่วงพักกลางวัน
ของวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เป็นระยะเวลา 1 เดือน
คนที่มีภาวะอ้วน คือผู้ที่มีไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพในอัตราส่วนที่สูงในร่างกาย
วิธีการวัดภาวะโรคอ้วนโดยมากจะคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง ที่เรียกว่า
"ดัชนีมวลกาย
หรือ body mass index (BMI)"
ค่า BMI คืออัตราส่วนระหว่าง
นอกจากนี้ค่า BMI ยังแสดงถึงภาวะอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกินได้แม่ยำกว่าการประเมินจากน้ำหนักอย่างเดียว
แนวทางการประเมินค่า BMI ในผู้ที่มีอายุมากกว่า
หรือเท่ากับ 20 ปี มีดังนี้
<18.5
ผอม (underweight)
18.5-24.9
สมส่วน (healthy)
25-29.9
น้ำหนักเกิน (overweight)
>30
ภาวะอ้วน (obese)
แผนภูมิแสดงการวัดค่า BMI จากน้ำหนักและส่วนสูงในผู้ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ
20 ปี
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รูปร่างสมส่วนแล้ว ผู้ที่น้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง
ๆ มากขึ้น ได้แก่ โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง,
โรคหัวใจหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง
นอกจากนี้ยังทำให้อายุขัยสั้นลงด้วย
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
“จากการศึกษาพบว่ากลุ่มเป้าหมายการวิจัยคือเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
1/3 มีพฤติกรรมทางโภชนาการที่น่าเป็นห่วง คือ นิยมบริโภคขนมซองที่มีแป้งและไขมันปริมาณมาก
โดยบริโภคเฉลี่ยวันละ 3-4 ครั้ง ส่วนเครื่องดื่มที่นิยมบริโภคมากที่สุด
คือ น้ำอัดลม
โดยเฉลี่ยเด็กได้รับพลังงานจากขนมและอาหารว่างประมาณ 495 กิโลแคลอรี หรือเทียบเท่าร้อยละ 30 ของพลังงานที่ต้องการต่อวัน
ซึ่งมากกว่าปริมาณมาตรฐานที่ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินนี้เป็นไขมันได้”
ดังนั้นการมีภาวะโภชนาการที่ดีและถูกต้อง นอกจากผู้ปกครองจะต้องมีความรู้
ความเข้าใจในเรื่องนี้ดีแล้ว กุมารแพทย์หรือนักโภชนาการเองก็จะต้องมีการรณรงค์ให้ความรู้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกชนิดและปริมาณอาหารว่างและขนมอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ก็ควรเน้นเรื่องอาหารหลักที่รับประทาน การปรับกิจวัตรประจำวันและการออกกำลังกายให้เหมาะสมควบคู่กันไปด้วย
เพื่อให้เด็กมีภาวะโภชนาการที่ดี หลีกเลี่ยงโรคอ้วนหรือภาวะผอมซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการต่อไปนั่นเอง